หัวเชื้อจุลินทรีย์ดิน กำจัดโรคพืชในชั้นดิน กำจัดโรคพืชในลำต้น ป้องกันการเกิดโรคพืช ส่งเสริมการฟื้นตัวของต้นไม้หลังปลูก
หัวเชื้อจุลินทรีย์ดิน กำจัดโรคพืชในชั้นดิน กำจัดโรคพืช ในลำต้น ผล ป้องกันการเกิดโรคพืช ส่งเสริมการฟื้นตัวของต้นไม้หลังปลูก เร่งการเจริญเติบโตของพืช ช่วยเสริมการแตกรากใหม่ของต้นไม้ ผลิตธาตุอาหารในดิน สารปรับสภาพดิน สารปรับปรุงดิน จุลินทรีย์ดิน การแก้ปัญหา ดินเสื่อมโทรม ดินกรด ดินเปรี้ยว ดินเหนียว ดินแข็ง ดินทราย ดินตื้น ดินแน่น ดินขาดธาตุอาหาร ดินแล้ง ดินเสื่อมสภาพ ดินปนเปื้อนสารเคมีตกค้างในดิน
ประกอบด้วย
1.อะโซโตแบคเตอร์ Azotobacter vinelandii Azotobacter chroococcum
2.อะโซสไปริลลัม (Azospirillum sp.)
3.บาซิลลัส เมกะทีเรียม (Bacillus megaterium var. phoshaticum) และ แซคคาโลมัยซีส Saccharomyces cerevisiae
4.บาซิลลัส ไลเคนนิฟอมิส (Bacillus lichenifomis)
5.บาซิลลัส โพลีมายซา (bacillus polymyxa)
6.บาซิลัส ซับทีลีส (Bacillus subtills )
7.คีโตเมี่ยม (Chaetomium lucknowense)
8.สเตร็ปโตมายซิส เทอร์โมฟิลัส streptomyces thermophilus
คุณสมบัติของ จุลินทรีย์ดิน
1.เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ผลิตธาตุอาหาร(NPK)ธาตุอาหารหลักในดินเปรียบเสมือนเป็นการสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยใต้ดิน เนื่องจากจุลินทรีย์ทุกตัวจะทำการผลิตธาตุอาหรต่อเนื่องและตลอดเวลา ทำให้ดินร่วนซุย ระบายน้ำและอากาศได้ดี ซึ่งพืชก็ใช้ประโยชน์จากธาตุอาหารได้อย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างสมบูรณ์เช่นกัน
2.แปรสภาพอินทรีย์วัตถุในดินให้กลายเป็นธาตุอาหารรองสำหรับพืช เมื่อใส่ลงไปในดินจุลินทรีย์จะเติบโตและสร้างกลุ่มรอบผิวรากหรือในรากพืช ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตและปกป้องระบบรากของพืช ช่วยส่งเสริมการเจริญ เติบโตของพืชหรือพีจีพีอาร์ (PGPR plant growth promoting Rhizobacteria) ซึ่งมีสมบัติในการส่งเสริมและ ป้องกันพืชผ่านกลไกทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยการผลิตฮอร์โมนพืช ละลายธาตุอาหาร ควบคุมการดูดซึม สารอาหาร และชักนำระบบความต้านทานโรคพืชในพืช
3.สร้างฮอร์โมนเช่น ฮอร์โมนกลุ่มมออกซิน (auxins) ซึ่งกระตุ้นการยืดตัวของเซลล์การแบ่งเซลล์และการเปลี่ยน สภาพของเซลล์ สร้างเอนไซม์ไคติเนส (chitinase) และ ลามินาริเนส (laminarinase) ย่อยเส้นใยเชื้อราโรคพืช สร้างสารปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อราและแบคทีเรียสาเหตุโรคพืชได้
4.ตัวจุลินทรีย์เองมีองค์ประกอบของธาตุอาหารหลัก ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม แมกกานีส คาร์โบไฮเดตร ไขมัน โปรตีน เกลือแร่ ฯลฯ ดังนั้นเมื่อตัวจุลินทรีย์ตายลงธาตุอาหารทั้งหมดเหล่านี้ก็จะกลายเป็นธาตุอาหารสำหรับพืชทันที เนื่องจากจุลินทรีย์มีความสามารถขยายตัวเป็นล้านล้านตัวภายใน24ชั่วโมง จุลินทรีย์ที่เกิดแล้วมีอายุ48-72ชั่วโมง เมื่อตายไปก็กลายเป็นอาหารพืชต่อไป ซึ่งระบบจะหมุนเวียนกันไปเช่นนี้เรื่อยๆพืชจึงมีอาหารอย่างสม่ำเสมอ
5.ช่วยให้พืชได้รับปุ๋ยเคมีและอินทรีย์ชีวภาพได้มากขึ้น ทำให้ใช้ปุ๋ยน้อยลง ลดปัญหาสารเคมีตกค้างในดินอันเป็นสาเหตุของดินเป็นกรด-ด่างสูง เป็นการปรับสภาพของดินที่มีความเป็นกรด-ด่างสูงไม่เหมาะสมกับการเพาะปลูก
6.ป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียโรคพืชเข้ามาในชั้นดิน บริเวณรากและโคนต้นของพืช เมื่อมีจุลินทรีย์ที่ดีมีประโยฃน์ต่อดินอยู่ในปริมาณมากทำให้การเกิดและเติบโตการขยายตัวของเชื้อราและแบคทีเรียโรคพืชเป็นไปได้ยาก ตัวจุลินทรีย์มีความสามารถในการสร้างสารปฎิชีวนะในการป้องกันโรคพืชทั้งในดินและบนดิน
มีส่วนประกอบของจุลินทรีย์ที่ผ่านการคัดสรรค์ว่ามีประโยชน์ที่อาศัยอยู่ในดิน 10ชนิด
อัตราการใช้:จุลินทรีย์ดิน ใช้ได้กับนาข้าว พืชไร่ พืชสวน ไม้ผล ไม้ยืนต้น ปาล์มน้ำมันและยางพารา พืช ผัก ไม้ดอก ไม้ประดับ สนามหญ้า และพืชทุกชนิด
อัตราการใช้:
1.ผลิตปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ชีวภาพ อัตราการใช้ 1-2 กิโลกรัมต่อปุ๋ย1ตัน
2.เพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ชีวภาพ อัตราการใช้ 1 กิโลกรัม/ปุ๋ย 4 กระสอบ (คลุกเคล้าผสมแล้วหว่านรอบๆทรงพุ่ม)
3.ฉีดพ่นเพื่อย่อยสลายปุ๋ยเคมี อินทรียวัตถุ มูลสัตว์ อัตราการใช้ 50 กรัมต่อน้ำ20ลิตร
4.ปล่อยไปกับระบบน้ำแปลงนาข้าว เพื่อย่อยสลายปุ๋ย เศษซากพืช ซากสัตว์ ตอซัง สารเคมีที่ตกค้างในดิน อัตราการใช้ 1 กิโลกรัมต่อพื้นที่1ไร่
5.ปล่อยไปกับระบบน้ำ ไม้ผล ไม้ดอก พืชสวน พืชไร่ ผักสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับ อัตราการใช้ 1 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 2 ไร่
อัตราการใช้ : 1.ใช้ในกระบวนการผลิตปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ชีวภาพ คุณภาพสูง ชนิดบรรจุถุงและปั้นเม็ด :ใช้ปริมาณ 2 กิโลกรัม ผสม กับปุ๋ยหมัก 1000กิโลกรัม
2.ใช้ในกระบวนการผลิตมูลสัตว์ปั้นเม็ดคุณภาพสูง :ใช้ปริมาณ 2 กิโลกรัมผสมกับมูลสัตว์ตากแห้ง 500 กิโลกรัม
3. คลุกเคล้ากับวัสดุปลูก :ใช้ปริมาณ 0.5กิโลกรัมต่อวัสดุปลูก 100 กิโลกรัม
เพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณของจุลินทรีย์ดิน : น้ำสะอาด 200ลิตร:กากน้ำตาล 5กิโลกรัม:จุลินทรีย์ดิน 0.5กิโลกรัม (เก็บได้มากกว่า1ปี)
อัตราการใช้ : จุลินทรีย์ดิน ชนิดน้ำ
1.ปล่อยไปพร้อมกับน้ำในนาข้าว 20ลิตรต่อพื้นที่นาข้าว1ไร่
2.ปล่อยไปกับระบบน้ำพืชสวน พืชไร่ ผัก ไม้ดอก ไม้ผล ผักสวนครัว 10ลิตรต่อพื้นที่1ไร่
3.เตรียมแปลงปลูก ฉีดพ่นลงดิน 10ลิตรผสมน้ำ50ลิตร ใช้ต่อพื้นที่1ไร่ (ก่อนไถกลบ) 4.ใช้ฉีดพ่นลงบริเวณโคนต้นพืช แปลงปลูก กองปุ๋ยหมัก 10ลิตรผสมน้ำ 20ลิตร
ใช้ฝังโคนต้นโดยตรง
ไม้กระถาง ไม้ดอกไม้ประดับ ฝังลึก10เซนติเมตร ลงบริเวณทรงพุ่มหรือโคนต้น 1ช้อนชา-1ช้อนโต๊ะ ต่อต้น ทุกๆ3เดือน
ไม้ผล ฝังลึก10 เซนติเมตร ลงบริเวณทรงพุ่มหรือโคนต้น 4จุด จุดละ 1ช้อนโต๊ะ ต่อต้น ทุกๆ3เดือน